SAVE THAILAND 4.0
จากวิกฤต COVID-19 เราต่างได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย...
จึงถือโอกาสที่ให้ชาวสตาร์ทอัพได้มารวมตัวกัน เพื่อส่งเสียงส่งเสียงให้ถึงสังคม
ไม่ว่าเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือประชาชน ให้มาช่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย
โดยเฉพาะในประเด็นการที่ต้องแข่งขันกับสตาร์ทอัพต่างชาติที่มาพร้อมทุนมหาศาล
เราต้องช่วยกันปกป้องอธิปไตยทางเทคโนโลยีของประเทศไทย 🇹🇭
จดหมายเปิดผนึก
เรียน รัฐบาลไทย
ตามที่สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด–19 โรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่แพร่ระบาดทั่วโลก ส่งผลกระทบให้ทุกภาคส่วนได้รับความเดือดร้อนทั้งในด้านการดำรงชีวิต
และระบบเศรษฐกิจทั้งโลกต้องประสบกับภาวะวิกฤติและหยุดชะงักลง ประเทศไทยเป็นหนึ่งประเทศในโลกที่ได้รับผลกระทบนั้นเช่นเดียวกัน ดังที่รัฐบาลกำลังระดมความช่วยเหลือเยียวยาภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน เพื่อประเทศจะได้เดินหน้าต่อไปหลังเกิดภาวะอันหนักหน่วงอยู่นั้น
#เซฟไทยแลนด์สี่จุดศูนย์ ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทที่เป็น Tech Startup และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มสัญชาติไทย ที่กำลังมีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยตามแนวทาง “ไทยแลนด์ 4.0” อยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ธุรกิจ Tech Startup เหล่านี้ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรม
และสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ล้วนแต่ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนักจากวิกฤตครั้งนี้เช่นกัน และได้มองเห็นความสำคัญของกลุ่มธุรกิจ Tech Startup ว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล หรือเศรษฐกิจที่ใช้นวัตกรรมเข้ามาบริหารจัดการ สามารถสร้างรายได้ให้คนในชาติ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยได้
จากอดีตที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยได้สูญเสีย “อธิปไตยทางดิจิทัล” อันสืบเนื่องมาจากการทุ่มตลาด ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีต่างชาติที่เข้ามาเจริญเติบโต และมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก จนสามารถกึ่งผูกขาดตลาดจากการทำธุรกิจได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในช่วงภัยพิบัติโควิด โดยที่ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก เช่น ธุรกิจส่งอาหาร ระบบคมนาคมและขนส่ง ธุรกิจสื่อสาร ธุรกิจการบริการ เป็นต้น สุดท้ายแล้วระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลทั้งหมดของประเทศไทย จะถูกกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีต่างชาติเข้ามาควบคุมและส่งผลประโยชน์กลับไปสู่ประเทศของตน โดยไม่สามารถจัดเก็บภาษีจากกลุ่มธุรกิจนี้ได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านความมั่นคงอื่น ๆ โดยไม่มีกลุ่มธุรกิจอื่นสามารถทำได้ ทำให้ภาครัฐ ภาคประชาชนหรือผู้บริโภค ตลอดรวมถึงธุรกิจไทยได้รับความเดือดร้อน เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงตามมานั่นเอง
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีต่างชาติขึ้นราคาค่าบริการต่าง ๆ นักรบเศรษฐกิจใหม่สัญชาติไทย หรือ กลุ่มธุรกิจ Tech Startup ของไทย กำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับโมเดลธุรกิจ เปลี่ยนรูปแบบสินค้าและบริการ ลดต้นทุนภายใน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการไทย ในการประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และดูแลพนักงาน แรงงานทักษะด้านนวัตกรรม ในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การแพทย์และสาธารณสุข การเกษตร รวมถึงมีส่วนอย่างมากในการส่งเสริม SMEs ไทยเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ยุดดิจิทัลในวงกว้าง
ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าหากกลุ่มธุรกิจ Tech Startup ที่ได้รับผลกระทบไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐอย่างรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ จนไม่สามารถผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการเลิกจ้างงาน แต่จะกลุ่มผู้ใช้งาน แรงงานอิสระ และธุรกิจ SMEs ที่อยู่บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับผลกระทบไปด้วย และที่สำคัญเมื่อประเทศไทยฟื้นตัวจากวิกฤตในครั้งนี้
เราจะไม่มี Tech Startup สัญชาติไทย อยู่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
โดยใคร่ขอเสนอมาตรการในการขอความช่วยเหลือ เยียวยาและดูแล ในเรื่องต่อไปนี้
1. ออกมาตรการสนับสนุน และผลักดันให้ใช้บริการสตาร์ทอัพไทย (Thai Tech Startup)
เพื่อช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังโควิด
2. มีมาตรการในการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของธุรกิจ Tech Startup
เช่น 2.1) การให้เงินทุนสนับสนุน ( Grant )
2.2) เงินกู้ผ่อนปรน ( Soft Loan ) กรณีพิเศษ โดยมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับธุรกิจสตาร์ทอัพ ตามระดับความจำเป็นและความเหมาะสมเฉพาะธุรกิจเป็นราย ๆ ไป เนื่องจากรูปแบบโมเดลธุรกิจอาจไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ผ่อนปรนแบบปกติได้
2.3) คุ้มครองพนักงานและการจ่ายเงินเดือนจ้างพนักงานที่มีทักษะสูง
3. ออกเครื่องมือเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการควบรวมในธุรกิจ Tech Startup
จากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ นักลงทุน และผู้ร่วมลงทุน
จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับความอนุเคราะห์ในการแก้ปัญหา ช่วยเหลือ เยียวยาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มธุรกิจ Tech Startup จาก ฯพณฯ ท่านด้วยดี และขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าไว้ ณ โอกาสนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาด้วยความเคารพอย่างสูง